สวัสดีค่ะ ท่านผู้อ่านทุกท่าน โอชินเองจ้า โอชินเอง วันนี้ขออนุญาตมีสาระนิดนึงเนอะ ขอพูดถึงเรื่องการทำใบขับขี่ในญี่ปุ่นหน่อยค่ะ เนื่องด้วยโอชินก็อยู่ในญี่ปุ่นมานมนาน บางทริปที่จะไปเที่ยวต่างจังหวัดบางทีมันก็ต้องใช้รถยนต์ไป รถประจำทางไปไม่ถึง นั่นเป็นเหตุให้โอชินต้องทำใบขับขี่ค่ะ !!
ใบขับขี่สากลที่ทำจากไทยใช้ในญี่ปุ่นไม่ได้หรอ?
หลายคนที่มาเที่ยวญี่ปุ่นบ่อยๆคงคิดอยู่ในใจสินะว่า อ่าวทำไมต้องทำด้วยล่ะ ในเมื่อใบขับขี่สากลจากประเทศไทยก็ใช้ได้หนิ!!! ใช่ค่ะใบขับขี่สากลที่เราทำจากประเทศไทยสามารถใช้ขับขี่ในประเทศญี่ปุ่นได้ แต่มันใช้ได้แค่ 1 ปีเท่านั้น!! สำหรับคนที่มีวีซ่าพำนักนานๆในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งตอนนี้โอชินอยู่ญี่ปุ่นมาเป็นปีที่ 5 แล้วค่ะ ใบขับขี่สากลที่ทำมาจากไทยมันใช้ไม่ได้ตั้งแต่ปีที่ 2 ที่อาศัยอยู่ที่นี่แล้ว 555
แต่เอาจริงๆก็เคยลองเอาไปใช้เช่ารถนะ ตอนปีที่ 2 อ่ะ เพราะตอนนั้นยังไม่รู้ว่ามันใช้ไม่ได้ พวกร้านเช่ารถก็ให้เช่าปกตินะ แต่ถ้าตำรวจขอดูหรือเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาก็คือเกมค่ะ (เพิ่งมารู้ทีหลัง) ส่วนโทษจะโดนอะไรนั้นไม่แน่ใจ เพราะไม่เคยโดน5555
เอาล่ะ ทั้งหมดทั้งมวลก็คือเหตุผลว่าโอชินต้องไปทำใบขับขี่ของญี่ปุ่นค่ะ !!!! สำหรับกรณีโอชินมีใบขับขี่ของประเทศไทย เลยสามารถทำเรื่องยื่นเปลี่ยนใบขับขี่ไทยเป็นใบขับขี่ญี่ปุ่นได้โดยที่ไม่ต้องไปเข้าคอร์สเรียนเสียเงินเป็นแสนบาทเหมือนคนญี่ปุ่น (ที่ญี่ปุ่นการสอบใบขับขี่คือคุณต้องไปลงเรียนกับโรงเรียนสอนขับรถเท่านั้น จะให้พ่อแม่ปู่ย่าตายายมาสอนแล้วแอบเอารถไปขับเหมือนไทยไม่ได้น้ะจ้ะ) แต่ก็ต้องสอบอยู่ดีนะ แต่จะไม่ยากเท่าของคนที่ไม่เคยมีใบขับขี่มาก่อนในชีวิตเลย
เงื่อนไขในการเปลี่ยนใบขับขี่ไทยเป็นใบขับขี่ญี่ปุ่น
เงื่อนไขในการพิจารณาว่า “คุณมีสิทธิเปลี่ยนใบขับขี่ไทยเป็นใบขับขี่ญี่ปุ่น”หรือไม่ ? มันมีอยู่แค่เงื่อนไขเดียวค่ะ ซึ่งอิเงื่อนไขเดียวนี่แหละตัวปัญหาสำหรับใครหลายคนเลยก็ว่าได้ นั่นก็คือ….
ภายใน 1 ปีหลังจากที่ได้ใบขับขี่ไทยใบแรกในชีวิต ทุกคนต้องอาศัยอยู่ในประเทศไทยไม่ต่ำกว่า 3 เดือน
คำว่า 3 เดือนในที่นี้หมายถึงอะไร?
คำว่า 3 เดือน อันนี้คือภายใน 1 ปี ห้ามเดินทางออกนอกประเทศไปพำนักที่ประเทศอื่นๆเด็ดขาด!!
อารมณ์ออกไปต่างประเทศ 3 วัน 5 วัน หรือ หนึ่งอาทิตย์อะไรแบบนี้ไม่เป็นไร
ย้ำนะคะ !!! ทุกประเทศนะคะ ไม่ใช่แค่ญี่ปุ่น!!!
แต่บางกรณีเห็นว่าซิกแซ็คได้ ไม่ต้องอาศัยอยู่ในประเทศไทยติดต่อกัน 3 เดือนก็ได้ (แบ่งๆอยู่บินไปกลับ อยู่ไทยเดือนละ 1 อาทิตย์ก็ได้ ถ้านับรวมแล้วภายใน 1 ปีมันถึง 3 เดือนที่พำนักอยู่ไทยก็โอเค) เช่น ได้ใบขับขี่มาตอนเดือนมกราคม เดือน กุมภา บินมาญี่ปุ่น อยู่ญี่ปุ่นยาวๆถึงมิถุนาแล้วถึงบินกลับไปแว๊บๆ อารมณ์ว่าบินไปบินมา ไทย-ญี่ปุ่น ภายใน 1 ปี นับๆรวมแล้วว่าอยู่ไทยเกิน 3 เดือน อันนี้ก็มีคนเคยผ่านค่ะ แบบสามารถยื่นเรื่องเปลี่ยนใบขับขี่ไทยเป็นใบขับขี่ญี่ปุ่นได้ ไอ้เคสที่ผ่านเนี่ยหลายปีมาแล้วนะ 5555 แต่กรณีนั้นโอชินว่าแล้วแต่เคสซึ่งต้องอยู่ที่การพิจารณาของเจ้าหน้าที่แต่ละคนด้วย เพราะอย่างของเคสโอชินคือ
…….
ใบขับขี่ไทยใบแรกของโอชินได้มาเมื่อไหร่?
โอชินได้ใบขับขี่ไทยใบแรกมาตอนปี 2013 ซึ่ง ปี 2015 บินมาญี่ปุ่นแล้วอยู่ยาวจนถึงปัจจุบันเลย ไม่เคยกลับไทยนานๆด้วย กลับไปแบบแว๊บๆ
ฟังผิวเผิญดูเหมือนไม่มีอะไรติดขัด อ่านฉลุยอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ? แต่คือเจ้าหน้าที่เขาจะขอเปิดดูพาสปอร์ตทุกเล่มทุกหน้า พาสปอร์ตเก่าก็ต้องเอาไปค่ะ เปิดทุกหน้าจริงๆนะไม่ได้ล้อเล่น
เจ้าหน้าที่เช็คแต่ละหน้า และตรงไหนที่มีรอยปั๊มว่า ออกนอกประเทศเค้าจะถามทุกอันว่าไปไหน ไปทำอะไร
เอาง่ายๆสมมติว่า ปี 2013 หลังจากได้ใบขับขี่ไทยมา 2 เดือน
โอชินไปโครงการนักเรียนแลกเปลี่ยนที่อเมริกา 1 ปี แบบนี้อาจนับว่าอยู่ไทยไม่ครบ 3 เดือนหลังได้ใบขับขี่ใบแรกก็เป็นได้ !!!!!!!
แต่จริงๆคือไม่ได้ไปไหนจ้า ยกตัวอย่างให้ฟัง สรุปโอชิรก็คือรอด !!!!
อ่ะสำหรับใครผ่านข้อกำหนดตรงนี้ได้
เราไปกันต่อที่ขั้นตอนเตรียมเอกสารกันเลย
เอกสารที่ต้องเตรียมไปขอยื่นเปลี่ยนใบขับขี่ไทยเป็นใบขับขี่ญี่ปุ่น
1.ใบขับขี่ไทยตัวจริง (ใบล่าสุดที่ยังไม่หมดอายุ)
Optional : ถ้าใครต่อใบขับขี่หลายครั้ง ให้เอาใบขับขี่เดิมไปด้วยหรืออาจจะใช้เป็นภาพถ่ายก็ได้ แล้วแต่กรณีคนตรวจเอกสารเข้มงวด ต่างกัน
หรือเอาให้ชัวร์ให้ไปขอใบรับรองการออกใบขับขี่ทุกใบตั้งแต่ใบแรกยันใบปัจจุบันที่กรมขนส่งไทยมาราคาประมาณ 25 บาท
สามารถมอบอำนาจให้คนไปขอแทนได้ แต่ต้องใช้ บัตรประชาชน,พาสปอร์ต และรูปถ่ายของเรา
ส่วนกรณีคนที่มีใบขับขี่ตลอดชีพ หรือเปลี่ยนนามสกุลก็น่าจะต้องใช้วิธีด้านบนเช่นกัน
รวมถึงคนที่เพิ่งไปต่อใบขับขี่มาหมาดๆด้วย เพราะเนื่องจากรูปแบบใบขับขี่ของไทยมันถูกเปลี่ยนตลอด เจ้าหน้าที่แต่ละคนเขาคุ้นหน้าตาใบขับขี่ของไทยไม่เหมือนกัน ดังนั้นอาจถูกกล่าวหาว่าเป็นของปลอมได้ อะไรที่สามารถยืนยันได้ว่ามันคือของจริงและของๆเรา ให้เอาไปให้เจ้าหน้าที่ดูหมด!!!
2. ใบขับขี่ไทยฉบับแปลเป็นภาษาญี่ปุ่น
เราจะต้องเอาใบขับขี่ของเราไปแปลค่ะ ซึ่งจะแปลแบบสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ต้องเป็นเอกสารที่ถูกแปลมาจากสถาบันแปลภาษาชื่อ JAF เท่านั้น ราคาประมาณ 3,000 กว่าเยนหากแปลมาจากที่อื่นหรือแปลเองทางกรมขนส่งญี่ปุ่นจะไม่แม้แต่เหลียวตามองค่ะ
อันนี้มันเป็นกฎนะคะที่เค้าเขียนไว้ชัดเจนในหน้าเว็บไซต์ของกรมขนส่งเลย
รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแปลใบขับขี่ไทยเป็นภาษาญี่ปุ่นผ่าน JAF ค่ะ (ภาษาอังกฤษ)
https://english.jaf.or.jp/driving-in-japan/drive-in-japan#jpn-license
https://english.jaf.or.jp/driving-in-japan/drive-in-japan/foreign-nationals-license
เบอร์โทรสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม JAF : 0570-00-2811
วิธีส่งใบขับขี่ไทยไปให้ JAF แปลผ่านไปรษณีย์
ช่วงนี้มันเป็นช่วงโควิด JAF อาจจะไม่เปิดให้บริการยื่นเอกสารที่สาขานะคะ อาจจะต้องใช้เป็นการส่งไปรษณีย์แทน ซึ่งขั้นตอนตรงนี้แอบยุ่งยากนิดนึง คือเราจะต้องดาวโหลดแบบฟอร์มการขอยื่นแปลเอกสารใบขับขี่จากเว็บไซต์เพื่อเอามากรอกรายละเอียดค่ะ
ดาวโหลดแบบฟอร์มได้จากลิงค์ด้านล่าง (ภาษาอังกฤษ)
https://english.jaf.or.jp/-/media/1/2590/2708/3096/pdf_apli_english_2020_ippan_001.pdf?la=en
ส่วนลิงค์ด้านล่างนี้จะเป็นวิธีการส่งเอกสารผ่านไปรษณีย์ค่ะ (ภาษาอังกฤษ)
https://english.jaf.or.jp/-/media/1/2889/2894/2899/pdf_info_english_2020_ippan_001.pdf?la=en
คือโอชินอ่ะนะ อ่านแล้วหลายรอบก็ยัง งง เลยโทรไปถามเค้าซะเลยค่ะ!! ได้ความมาว่า ให้เรากรอกรายละเอียดแบบฟอร์มลงไป จากนั้นให้เอาใบขับขี่ไทยไปถ่ายเอกสารหน้า-หลัง ใส่ลงไปในซองพร้อมกันทั้งแบบฟอร์มและสำเนาใบขับขี่
จากนั้นให้ทุกคนไปที่ไปรษณีย์ค่ะ บอกเค้าว่าขอซองจดหมายที่สามารถใส่เงินลงไปได้ (มันจะไม่เหมือนซองจดหมายทั่วไปนะคะทุกคน ระวังดีดี) ทีนี้ก็ใส่แบบฟอร์มและสำเนาใบขับขี่ลงไปค่ะ ยังค่ะ ยังไม่ปิดซองนะ เอาเงินใส่ลงไปด้วย!!! ใส่เงินลงไป 3,500 เยนค่ะ (จริงๆค่าแปลเอกสารมัน 3,000 เยนแต่อีก 500 เยนคือใส่เอาไว้เป็นค่าให้เค้าส่งเอกสารที่แปลแล้วกลับมาค่ะ)
ขั้นตอนสุดท้ายค่ะ ให้ทุกคนจ่าหน้าซองถึง JAF ค่ะให้ใส่ที่อยู่นี้ไปเลยนะคะ สำหรับคนที่อยู่โตเกียว
Name : JAF
Address : 221-8718 Kanagawa-ken Yokohama-Shi Kanagawa-Ku Katakura 2-1-8
Tel : 045-482-12-55
ส่วนใครที่อยู่จังหวัดอื่นๆลองโทรไปถามเจ้าหน้าที่ดูค่ะว่าจะให้จ่าหน้าซองไปที่ไหน
ตอนปิดซองทุกคนต้องเซ็นชื่อให้ครบ 3 จุดตรงวงกลมนะคะ
ค่าส่งประมาณ 140 เยนแล้วก็น่าจะมีค่าสแตมป์เกือบ 500 เยนค่ะ รวมๆแล้วก็ประมาณ 575 เยน เราจะได้รับใบเสร็จมาหน้าตาเป็นแบบนี้
จากนั้นก็รอรับใบแปลที่บ้านได้เลยประมาณ 1 อาทิตย์ก็มาถึงแล้วค่ะ อย่าลืมอยู่บ้านรอรับด้วยนะ ตอนไปรษณีย์มาส่งมันต้องเซ็นค่ะ เค้าไม่มาหย่อนในตู้จดหมายแบบจดหมายทั่วไป
3.พาสปอร์ตหรือหนังสือเดินทาง
พาสปอร์ตให้เตรียมไปทุกเล่มนะคะ ทั้งเก่าและใหม่ มีกี่เล่มเอาไปให้หมด!!! ถ้าใครเคยทำพาสปอร์ตหายนะ อันนี้อาจจะเป็นงานช้างอ่ะ เพราะเราจะยืนยันไม่ได้ว่าเราพำนักอยู่ไทยเกิน 3 เดือนไหม อันนี้ต้องไปหาข้อมูลเพิ่มเติมเอานะคะ ว่ากรณีแบบนี้เจ้าหน้าที่ให้ใช้เอกสารอะไรแทน
4.ทะเบียนบ้านญี่ปุ่น (Jyuminhyo)
สามารถไปขอได้ที่เขต ที่เราอาศัยอยู่ ราคาหลักร้อยเยน
ให้เอาบัตรต่างด้าวหรือ 在留カード ไปด้วย. 5 นาทีก็ได้แล้ว น่าจะต้องเสียเงินประมาณ 300 เยนมั้งคะ
5.บัตรต่างด้าวหรือ 在留カード
6.รูปถ่าย 1 รูป ขนาด 3×2.4 CM
ห้ามเล็กห้ามใหญ่เกิน แต่หากใครเตรียมไม่ทัน ที่กรมขนส่งมีตู้ให้ถ่ายค่ะ
แต่มันถ่ายได้แค่ ช็อต เดียวแล้วเลือกไม่ได้ หน้าคือจะเหวอมาก5555
แต่มันไม่ใช่รูปที่จะเอาไปติดบัตรใบขับขี่ญี่ปุ่นเรานะ
ไม่ต้องกังวล!!!!
7.เงินสด 4,600 YEN
ค่าสมัคร 2,550 YEN + ค่าออกใบขับขี่ 2,050 YEN = 4,600 YEN
โอชินจะแปะลิงค์รายละเอียดการเตรียมเอกสารจากเว็บกรมขนส่งไว้ให้ด้วยนะคะ แต่มันจะเป็นภาษาญี่ปุ่นล้วนๆน๊า
https://www.keishicho.metro.tokyo.jp/menkyo/menkyo/kokugai/kokugai05.html
หากมีเอกสารครบทุกอย่างแล้ว ขันตอนต่อไปคือ
ให้หาข้อมูลกรมขนส่งที่ครอบคลุมเขตที่อยู่อาศัยของตัวเอง
เลือกกรมขนส่งที่อยู่ในเขตทะเบียนบ้านของตัวเอง
กรมขนส่งในโตเกียวจะมีหลายที่นะคะ แต่สำหรับที่ที่มีสนามสอบและสามารถทำเรื่องเปลี่ยนใบขับขี่ไทยเป็นใบขับขี่ญี่ปุ่นได้เนี่ย มีเพียงไม่กี่ที่ ซึ่งกรมขนส่งที่มีสนามสอบใบขับขี่จะมีดังต่อไปนี้ค่ะ
1.Fuchu Driver’s License Center
警視庁 府中運転免許試験場 学科試験課
ที่อยู่ : 〒183-8506 Tokyo, Fuchu, Tamacho, 3 Chome−1−1
เบอร์โทรศัพท์:042-362-3591 (ภาษาญี่ปุ่นล้วนนะคะ)
2. Samezu Driver’s License Center
警視庁 鮫洲運転免許試験場 試験課
โทร:03-3474-1374 (ภาษาญี่ปุ่นล้วน)
3.Koto Driver’s License Center
警視庁 江東運転免許試験場 免許課
โทร:03-3699-1151 (ภาษาญี่ปุ่นล้วน)
อย่างของโอชินอยู่โตเกียว เขตเมกุโระ จะต้องไปยื่นเรื่องเปลี่ยนใบขับขี่และสอบที่
Samezu Driver’s License Center
เตรียมเอกสารแล้วไปยื่นเรื่องที่กรมขนส่งญี่ปุ่น
ให้หาวันว่าง(ทั้งวัน) เพื่อเข้าไปยื่นตรวจเอกสารและสอบข้อเขียน
ที่นี่เปิดทุกวันธรรมดานะคะแต่ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์
จันทร์-ศุกร์ 8:30-11:00 , 13:00-15:00 (มีพักเที่ยงด้วยดูดีดี)
ต้องโทรนัดหรือโทรจองไหม?
ที่นี่ไม่มีให้โทรจองน้ะจ้ะ วอร์คอินโอนลี่!!!
ขอแนะนำให้ไปแต่เช้าตรู่ไปถึงประมาณ 8:15
น่าจะกำลังดีเพราะถ้าสายกว่านั้นก็คือรอทั้งวันจ้า!! อย่างโอชินไปถึงน่าจะประมาณเกือบ 9 โมง คือแอบชะล่าใจไปนิดนึง 5555
พอเข้าไปถึงสถานที่จริง ให้เดินขึ้นลิฟต์ไปชั้น 3 เลย
ทั้งชั้นจะเป็นที่สำหรับยื่นเรื่องเปลี่ยนใบขับขี่ต่างชาติเป็นใบขับขี่ญี่ปุ่น (จะเป็นกะเหรี่ยงทั้งชั้นเลยค่ะ เพื่อนเยอะแยะและอาจได้เจอเนื้อคู่นะ แต่งตัวสวยๆล่ะ อิอิ)
ไม่ต้องกดบัตรคิว เอาเอกสารไปยื่นให้เจ้าหน้าที่เลย
เจ้าหน้าที่จะขอดูเอกสารคร่าวๆที่เราเตรียมไปว่าครบไหม มีอะไรขาดตกไปหรือเปล่า
จากนั้นจะให้บัตรคิวมา และแบบฟอร์มการสมัคร ให้เรากรอกรายละเอียดต่างๆ และรอต่อไปอีกหลายชั่วโมง5555555
โปรดเอาไอแพดหรือเอาการเอางานไปทำระหว่างรอได้เพราะมันนานมาก!!!
สามารถออกไปข้างนอกได้ด้วย เจ้าหน้าที่เค้าจะกะเวลาให้ว่าต้องกลับเข้ามาอีกทีตอนกี่โมงจากนั้น รอเรียกบัตรคิว !!!! ของโอชินก็คือเจ้าหน้าที่บอกว่าให้กลับมาอีกทีตอนบ่าย 2 อื้มมมจย้าาาา ได้ค่าาาา
======================
รออยู่เกือบครึ่งวันก็ถึงคิวฉันสักที!!!
======================
ขั้นตอนการตรวจเช็คเอกสารอย่างละเอียด
เจ้าหน้าที่ที่เป็นคนตรวจเช็คเอกสาร จะใส่ชุดตำรวจมาแบบจัดเต็ม
อาจจะเป็นตำรวจจราจรหรือเปล่านะ? เจ้าหน้าที่จะเช็คเอกสารเราทุกอย่างทีละหน้า โดยเฉพาะพาสปอร์ต
ระหว่างนี้เค้าจะมีคำถามเรื่อยๆ เช่น……
คำถามที่โดนถามระหว่างตรวจเช็คเอกสาร
- ได้ใบขับขี่ไทยใบแรกตอนอายุเท่าไหร่?
2. ตอนนั้นเรียนมหาวิทยาลัยปี 1 หรอ?
3. ได้ไปโรงเรียนสอนขับรถมาไหม?
===>โอชินตอบว่า : เปล่าค่ะ
4. ไม่ได้เรียนจากโรงเรียนสอนขับรถแล้วใครสอน?
===>โอชินตอบว่า : ครอบครัวสอนค่ะ
5. คนในครอบครัวคนนั้นคือใคร?
===>โอชินตอบว่า : แม่ค่ะ
6. แล้วตอนสอบข้อเขียนเอาหนังสือจากไหนมาอ่าน?
===>โอชินตอบว่า : อ่อกรมขนส่งไทยแจกหนังสือกฎจราจรให้อ่านค่ะ
(จริงๆไม่มีค่ะ มั่ว55555555555 ตอนนั้นน่าจะดูจากเน็ตมั้ง)
7. ที่ปั้มในพาสปอร์ตว่าไปนู่นๆไปนี่มา (ไล่ชื่อประเทศทีละประเทศตามหน้าพาสปอร์ต) ไปไหน? ไปเมืองอะไร? ไปกี่วัน?
8. ต่อใบขับขี่มากี่ครั้ง?
9.มีใบขับขี่เก่าๆไหม พอดีว่าเหมือนกับว่ารูปแบบใบขับขี่ไทยมันเปลี่ยนน่ะค่ะ อยากดูใบก่อนหน้านี้
===>โอชินคิดไว้แล้วว่าต้องโดนอะไรแบบนี้ แล้วบังเอิญมากในโทรศัพท์มีรูป ใบขับขี่ใบเก่าไว้อยู่!!!
เลยถามเค้าว่ามีเป็นรูปใช้ได้ไหม เค้าบอกว่าได้ ก็ยื่นให้เค้าดู เป็นอันว่าเรียบร้อย
ผลการตรวจเช็คเอกสาร
หลังจากที่เจ้าหน้าที่ถามเราจนหนำใจ และจดโน้ตทุกคำตอบของเราไป เจ้าหน้าที่ก็แจ้งว่า เช็คเอกสารเบื้องต้นไม่มีปัญหาอะไร
รอเวลาเช็คอย่างละเอียด อีกสักครู่แล้วจะเรียกบัตรคิวเบอร์เดิม
ผ่านไปประมาณ 30-40 นาทีเขาก็เรียกให้ไปเอาเอกสารเพื่อไปจ่ายเงิน เพื่อเตรียมตัวสอบข้อเขียนและทดสอบสายตา
ขั้นตอนต่อจากนี้นะคะ ให้เอาเอกสารเหล่านี้ไปชั้น 1
แล้วไปเตรียมทดสอบสายตาซึ่งก็คล้ายๆของไทย
การทดสอบสายตาในญี่ปุ่น
การทดสอบก็จะง่ายๆไม่ได้ยากอะไร เหมือนทดสอบตาบอดสี ทดสอบการมองเห็นทั่วๆไป
1. ทดสอบการมองเห็นสี เขียว เหลือง แดง
เราเห็นสัญญาณไฟตรงหน้าเป็นสีไหนก็ตอบเค้าไปค่ะ จะตอบเป็นภาษาอังกฤษก็ได้ ภาษาญี่ปุ่นก็ดี
2. ทดสอบการมองเห็น (อย่าลืมใส่แว่นหรือคอนแทคเลนส์ไปถ้าใครสายตาไม่ดี)
มันจะเป็นวงกลมๆสีดำ แล้วมีรู ตรงไหนมีรู
เราก็ตอบว่ามันมีรู ข้างบน ข้างล่าง หรือ ข้างซ้าย ข้างขวา
ง่ายๆ
===>โอชินตอบผิดไปอันนึง 5555
พอทดสอบตรงนี้ผ่าน ต่อไปเป็นการสอบข้อเขียน
สอบใบขับขี่ญี่ปุ่นข้อเขียน
ข้อเขียนที่จะให้เราสอบจะมีแค่ 10 ข้อ สอบกับคอมพิวเตอร์ เป็นภาษาไทยทั้งหมด แถมมีหูฟัง มีเสียงคนอ่านภาษาไทยให้ฟังอีกต่างหาก
ต้องตอบให้ถูก 7 ข้อขึ้นไปถึงจะผ่าน!
คำถามง่ายมากกกก ให้เลือกตอบถูกหรือผิด แค่นั้นเอง
คำถามในข้อสอบข้อเขียน
1.หากถนนโล่งสามารถแซงได้
ตอบผิด
2.ถ้าคนนั่งรัดเข็ดขัดนิรภัยแล้ว คนขับไม่ต้องรัดเข็มขัดก็ได้
ตอบผิด
3.เป็นรูปเครื่องหมายจราจรห้ามหยุดรถ แต่เค้าเขียนว่าเครื่องหมายนี้แปลว่าหยุดรถได้
ตอบผิด
ที่โอชินจำได้คร่าวๆก็อารมณ์ประมาณนี้ ซึ่งอันนี้คิดว่าใครๆก็น่าจะทำได้
โอชินผ่านมาด้วยคะแนนเต็ม กรี๊สกร๊าด55555555
เตรียมตัวนัดวันสอบขับรถจริง
พอสอบผ่านหมดแล้ว เค้าจะให้ถือเอกสารไปที่ชั้น 2 เพื่อไปนัดวันสอบขับรถ
ปกติกว่าจะได้คิวคนอื่นรอกันเป็นเดือนๆ ซึ่งโอชินได้คิวมาประหลาดมากคือ 2 อาทิตย์หลังจากนั้น
(สงสัยน่าจะมีคนแคนเซิลนัด)
ก่อนกลับบ้านเราจะได้บัตรแข็งเป็นบัตรเพื่อเอาไว้ยื่นสอบขับรถจริง และกระดาษกฎจราจรวิธีการขับรถ (เป็นภาษาไทย) รวมถึงเราจะได้แผนที่คอร์สสนามสอบมา 3 แผ่น A, B, C ซึ่งเราไม่สามารถรู้ได้ว่าวันจริงเราจะได้คอร์สการสอบสนามไหน เพราะผู้คุมสอบจะเป็นคนเลือกในวันนั้น เจ้าหน้าที่บอกโอชินว่าไม่ต้องไปจำแผนที่หรอก ถึงวันจริงผู้คุมสอบ (ตำรวจจะเป็นคนบอกทิศทางการขับเองว่า ให้เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา ตรงไป อะไรแบบนี้)
ปล.วันที่เรามีนัดสอบขับรถจริง ทั้งบัตรต่างด้าวและใบขับขี่ไทยต้องไม่หมดอายุไปเสียก่อน!! อันนี้ต้องระวังนิดนึงเลยล่ะค่ะ อีกอย่างผลการตรวจเอกสารและการสอบวัดสายตากับข้อเขียนมันมีอายุแค่ 6 เดือน สมมติว่าภายใน 6 เดือนเราสอบกี่ครั้งก็ไม่ผ่านสักที ก็ต้องทำเรื่องยื่นสอบข้อเขียนใหม่นะ
สามารถฝึกขับรถที่สนามจริงได้
เราสามารถโทรไปจองขอเช่าสถานที่สอบจริงเพื่อฝึกขับรถให้ชินมือได้ ราคาประมาณชั่วโมงละ 2,200 YEN
แต่ว่าจะสามารถเช่าได้แค่วันละ 1 ชั่วโมงต่อคน
และมีข้อแม้ว่า ต้องเตรียมรถไปเอง และมาพร้อมกับคนที่มีใบขับขี่ญี่ปุ่น และคนคนนั้นจะต้องถือครองใบขับขี่ญี่ปุ่นมานานกว่า 3 ปี
เอาง่ายๆก็คือสามารถไปจ้างครูพร้อมรถ แล้วเราก็โทรไปจองสถานที่สอบจริงเอาไว้เพื่อมาฝึกได้
ถ้ารวมราคาทั้งครูทั้งรถประมาณ 10,000 YEN
สามารถจองสนามสอบได้ที่เบอร์ 03-6717-3086 เวลา 8:30 – 17:00
เวลาที่สามารถจองได้จะแบ่งออกเป็น 4 ช่วง คือ
- 9:45 – 10:45
- 11:15 – 12:15
- 13:30 – 14:30
- 15:00 – 16:00
ในส่วนของครู ใครจะเลือกโรงเรียนไหนเพื่อพาเราไปฝึกก็แล้วแต่วิจารณญาณกันเลยนะคะ โอชินแนะนำบ่ได้ เพราะไม่ได้ใช้บริการนะ กูเกิ้ลโล่ดดด
และในความโชคดีที่ได้คิวสอบเร็ว ก็มีความโชคร้ายซ่อนอยู่ก็คือ สถานที่สอบจริงมันเต็มยาวไปอีก 1 เดือน
แล้วโอชินต้องสอบในอีก 2 อาทิตย์
ก็คือ จบ ค่ะ จบกัน อวสาร……..
ไปสอบ แบบสดๆ ผลจะเป็นอย่างไรโปรดติดตามตอนต่อไป555555555555
เคล็ดลับเลื่อนวันสอบให้เร็วขึ้น
สำหรับใครที่ได้วันสอบอันไกลโพ้นนนน ไม่ต้องตกใจนะคะ เราสามารถโทรขอเลื่อนได้ ถ้ามันมีคิวว่าง (อันนี้แล้วแต่ดวง) เราจะต้องขยันหน่อย ให้โทรไปที่เบอร์ 03-3471-9021 เจ้าหน้าที่จะเปิดรับสายตั้งแต่ 8:30 -16:30 โทรไปทุก 10 นาทีเลยค่ะ
เพื่อนคนจีนคือแนะนำมาว่าให้โทรไปเลื่อนแบบนี้ค่ะ
คือต้องโทรไปช่วงเช้าเวลา 9:00 , 10:00 , 10 : 20 , 10:40 นางเลื่อนกันกระจายเลย ส่วนโอชินไม่ได้เลื่อนนะ แค่นี้มันก็เร็วจะแย่แล้ว 55555
ส่วนผลสอบขับรถในญี่ปุ่นของโอชินจะเป็นอย่างไร สอบผ่านหรือไม่ โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ อิอิ